ทำให้เข้าถึงโลกศิลปะได้มากขึ้น

ข้อมูลพื้นฐาน

ศิลปะเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต นี่คือความเชื่อที่อยู่เบื้องหลัง Creativity Explored ซึ่งเป็นกลุ่มสตูดิโอสำหรับผู้ใหญ่ที่มีความพิการทางพัฒนาการ องค์กรเป็นพันธมิตรกับศิลปินกว่า 100 คน โดยช่วยจัดหาอุปกรณ์และโปรแกรมการฝึกอบรมเฉพาะบุคคล ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มให้ผู้พิการได้แสดงออกถึงความสามารถของตนเองด้วยเช่นกัน

“เราจัดเตรียมสถานที่ให้ศิลปินผู้พิการแสดงความสามารถของตนเองในแบบที่ไม่เหมือนใคร” Ann Kappes ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือด้านศิลปะจาก Creativity Explored อธิบาย “เราช่วยให้ศิลปินของเรามีส่วนร่วมในโลกศิลปะร่วมสมัย และทำให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาเป็นศิลปินเสียก่อน”

ศิลปะสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

ศิลปินจาก Creativity Explored สร้างสรรค์ผลงานที่แขวนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี และงานแสดงศิลปะเป็นประจำ และชิ้นงานต่างๆ ก็ประดับอยู่ตามบ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน และโรงแรม บริษัทต่างๆ เช่น CB2 และ Dropbox อนุญาตให้ใช้อาร์ตเวิร์กสำหรับผลิตภัณฑ์หรือประสบการณ์ดิจิทัล โดยรวมๆ แล้ว ศิลปินจาก Creativity Explored สร้างรายได้ทั้งหมดรวมกันกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ

ศูนย์กลางของ Creativity Explored คือสตูดิโอและแกลเลอรีหลักในซานฟรานซิสโก โดยศิลปินจะทำงานใกล้ชิดกับครูและที่ปรึกษาภายในสตูดิโอ แกลเลอรีสามารถรองรับผู้เข้าชมได้ประมาณ 10,000 คนต่อปี ยกเว้นปีที่แล้ว เมื่อโรคระบาดทำให้ต้องหยุดระงับชั้นเรียนแบบตัวต่อตัวและปิดไม่ให้ใช้พื้นที่

เมื่ออาคารสถานที่ถูกปิด Creativity Explored จึงต้องการวิธีการทำงานร่วมกันแบบใหม่ ด้วยเหตุนี้จึงนำเทคโนโลยีเข้ามาเติมส่วนที่ขาด ซึ่งขณะนี้ Creativity Explored มีชั้นเรียนเสมือนจริง 24 ชั้นเรียนต่อสัปดาห์ผ่าน Zoom และยังให้บริการอินเทอร์เน็ตและ iPad แก่ผู้ที่ต้องการใช้อีกด้วย 

การเปลี่ยนไปสู่การสอนออนไลน์ประสบความสำเร็จ ศิลปินบางคนเติบโตในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงแบบใหม่ และบางคนก็ไม่ต้องพึ่งพาการโดยสารไปกลับสตูดิโอทุกครั้ง ตอนนี้ Creativity Explored สามารถขยายพันธกิจด้วยการนำเสนอโมเดลบริการแบบไฮบริดที่ตอบสนองความต้องการของศิลปินด้วยโอกาสทั้งแบบตัวต่อตัวและแบบออนไลน์

ทว่า น่าเสียดายที่โรคระบาดทำให้เกิดปัญหาอีกอย่าง นั่นก็คือแกลเลอรีเงียบเหงามานานกว่าหนึ่งปีเพราะไม่สามารถจัดนิทรรศการและรองรับผู้เข้าชมได้ แล้วคุณจะขายงานศิลปะในช่วงที่ปิดไม่ให้เข้าชมได้ยังไงกัน Creativity Explored จึงนำเทคโนโลยีมาใช้อีกครั้ง

กลุ่มนี้จะดูแลคลังดิจิทัลที่รวบรวมผลงานศิลปินทั้งหมดไว้ ซึ่งเป็นแค็ตตาล็อกขนาดใหญ่ที่มีชิ้นงานมากกว่า 20,000 รายการจนถึงปัจจุบัน และทุกอย่างในคอลเลกชันนี้ก็อนุญาตให้นำไปใช้ได้ เมื่อใช้วิธีนี้ ศิลปินจะยังคงสามารถสร้างรายได้แม้ว่าจะขายชิ้นงานศิลปะไปแล้วก็ตาม

ทีมบริการด้านศิลปะมืออาชีพจะทำงานร่วมกับสถาปนิก นักออกแบบภายใน และพันธมิตรองค์กรเพื่อช่วยศิลปินเลือกชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบสำหรับโปรเจ็กต์ของตนเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เครื่องมือดิจิทัลอย่าง Dropbox จะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดทำงานได้อย่างราบรื่น

ค้นหาผลงานชิ้นเอกตรงใจ

โดยปกติแล้ว ลูกค้ารายใหม่ต้องการงานศิลปะที่มีลักษณะเด่นเฉพาะ เช่น นก สุนัข หรือไอเดียแปลกๆ สไตล์วิกตอเรีย ทีมบริการด้านศิลปะจะค้นหาชิ้นงานต่างๆ ที่เหมาะกับธีมจากในคลัง ซึ่งบางครั้งอาจมากถึง 60 ชิ้นในคราวเดียว ชิ้นงานที่เลือกมาทั้งหมดจะถูกอัปโหลดและจัดเก็บไว้ใน Dropbox ดังนั้นรูปภาพทุกๆ ชิ้นจึงได้รับการจัดระเบียบไว้เรียบร้อยและค้นดูได้ง่าย จากนั้น ทีมก็สามารถแบ่งปันโฟลเดอร์โปรเจ็กต์ทั้งโฟลเดอร์กับลูกค้าได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง

Creativity Explored มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก และ Dropbox ช่วยให้ลูกค้าทำงานร่วมกันแบบอะซิงโครนัส โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดเวลาในการโทรผ่าน Zoom ข้ามหลายๆ เขตเวลา แต่ลูกค้าสามารถแบ่งปันความคิดเห็นและใส่หมายเหตุประกอบรูปภาพโดยตรงใน Dropbox และทีมบริการด้านศิลปะก็จะสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของลูกค้าได้โดยไม่ต้องโทร ส่งข้อความ หรือส่งอีเมลรบกวนลูกค้า เนื่องจาก Dropbox จะแสดงให้เห็นว่าใครได้ดูและไม่ได้ดูไฟล์ไปบ้าง

เมื่อลูกค้าเลือกรูปภาพที่จะอนุญาตให้ใช้แล้ว จำเป็นจะต้องมีไฟล์ขั้นสุดท้าย รูปภาพที่มีความละเอียดสูงอาจส่งได้ยากเพราะมักจะมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับอีเมล ดังนั้น Creativity Explored จึงต้องการวิธีที่เชื่อถือได้และเป็นมืออาชีพในการส่งไฟล์ขนาดใหญ่ Dropbox ช่วยให้ทีมบริการด้านศิลปะส่งงานดิจิทัลได้อย่างราบรื่นโดยสามารถโอนย้ายไฟล์สูงสุด 100 กิกะไบต์ในไม่กี่วินาที นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แม้ว่าจะไม่มีบัญชี Dropbox เป็นของตัวเองก็ตาม ซึ่งเป็นวิธีที่เป็นระเบียบเรียบร้อยในการสรุปกระบวนการทั้งหมดที่จะช่วยให้ Creativity Explored สร้างความประทับใจและการบอกปากต่อปาก  

“เราเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรขนาดกลางระดับรากหญ้า” Ann กล่าว “เมื่อเราใช้เครื่องมือที่โลกการออกแบบอื่นๆ ใช้กัน เครื่องมือดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรและศิลปินของเราเป็นมืออาชีพด้วย”